MAMATA_nurturing nature in your child
  • Home
  • Course
    • Waldorf-Inspired Parent & Child Playgroup
  • Store
  • About
    • MaMaTa Family Playgroup
    • MaMaTa Family Workshop
    • MaMaTa Family Trip
    • MaMaTa Family Store
    • MaMaTa Family Bookstore
    • MaMaTa Family Space
  • Contact
    • Map
  • Sharing / Articles
  • Photo Gallery
  • Publicity
  • ของเล่นที่เหมาะกับพัฒนาการของเด็กๆใน
  • Children Songs
  • Stockmar Modelling Beeswax
  • Children Drawing
  • Blog
  • Rubicon Program 2024 The 9-Year Change & Challenges ก้าวสู่ขวบปีที่ เก้า วัยแห่งกา&

บทความเรื่อง "เด็กๆตัวน้อย"

3/2/2025

0 Comments

 

แปลจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ  The Little Ones    by  Helle Heckmann
​แปลโดย วรณัน โทณะวณิก (แม่ตา)

บทความ "The Little Ones" โดย Helle Heckmann ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Kindling: The Journal for Steiner Waldorf Early Childhood Care and Education (UK) ฉบับฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว ปี 2011 
                  เราอาศัยอยู่ในสังคมปัจจุบันที่ไม่ได้ลงทุนในเด็กของเรา พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่มีทางเลือกว่าพวกเขาจะอยู่บ้านกับลูกหรือออกไปทำงาน  ซึ่งหมายความว่าเด็กเล็กจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากผู้อื่น ซึ่งทำให้พ่อแม่ต้องหาสถานที่ดูแลเด็กที่พวกเขารู้สึกสบายใจเมื่อต้องปล่อยให้ลูกอยู่ที่นั่น  ไม่ใช่ทางเลือกที่ง่ายเลยสำหรับพ่อแม่!

               เมื่อฉันมีลูกคนแรกเมื่อ 30 ปีก่อน มันเป็นเรื่องยากที่จะหาสถานที่ที่ฉันสามารถปล่อยให้ลูกอยู่ได้อย่างปลอดภัย  คนที่ทำงานในศูนย์รับเลี้ยงเด็กต่างๆ มีความเป็นมิตรมาก  แต่ฉันกำลังมองหาครูที่มีความสงบภายใน และสามารถพบปะลูกของฉันได้ในแบบที่เด็กต้องการ ฉันยังต้องการให้ครูเหล่านั้นมีความรู้ แม้กระทั่งในเชิงจิตวิญญาณเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์

       ฉันพบแนวทางการศึกษาและความเข้าใจในจิตวิญญาณที่ฉันแสวงหาในงานของ รูดอล์ฟ สไตเนอร์ (Rudolf Steiner) และฉันได้เริ่มเรียนที่วิทยาลัยครูปฐมวัยในกรุงโคเปนเฮเกน  หลังจากสำเร็จการศึกษา ฉันได้เปิดโรงเรียนอนุบาล Nøkken เมื่อ 22 ปีก่อน ในเวลานั้น เราเป็นโรงเรียนแนววอลดอร์ฟแห่งเดียวที่รับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี

                นับตั้งแต่ก่อตั้ง Nøkken ฉันได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับเด็ก ๆ ฉันได้รับการเตือนทุกวันว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็ก คือการได้รับสิ่งที่เรียบง่ายอย่างเพียงพอ  ซึ่งก็คือ จังหวะชีวิตที่สม่ำเสมอ การนอนหลับที่เพียงพอ อิสระในการเคลื่อนไหว โภชนาการที่ดี การเลียนแบบที่เหมาะสม และเสื้อผ้าที่เหมาะสม  และเวลาสำหรับทำสิ่งต่าง ๆ ตามจังหวะและเงื่อนไขของพวกเขาเอง


จังหวะชีวิตประจำวัน
                 กิจวัตรประจำวันและจังหวะชีวิตสามารถดำเนินไปในรูปแบบเดียวกันตลอดช่วงเจ็ดปีแรกของชีวิตเด็ก เมื่อเด็กเติบโตขึ้น และเนื่องจากพวกเขากำลังเติบโต ประสบการณ์ของพวกเขาต่อสิ่งแวดล้อมจะค่อย ๆ ลึกซึ้งขึ้น พวกเขาจะรับรู้โลกในแบบที่ละเอียดและซับซ้อนมากขึ้น  ดังนั้น เด็กอายุหนึ่งขวบและเด็กอายุเจ็ดขวบจะมองชีวิตประจำวันแตกต่างกัน   แม้ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกันก็ตาม
          เด็กเติบโตไปกับชีวิต และสังเกตว่า โลกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ แต่เป็นการขยายตัวที่ยังคงมีโครงสร้างที่สามารถรับรู้ได้ โลกไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างวุ่นวายจนไม่สามารถเข้าใจได้ แต่มันขยายออกไปตามจังหวะที่เด็กสามารถรับรู้ได้ สิ่งนี้สร้าง "ความมั่นคง" ในจิตใจของเด็ก พวกเขาจะค่อย ๆ เรียนรู้ว่าชีวิตมีผลต่อพวกเขาอย่างไร หากพวกเขาสามารถทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง และในจังหวะที่เป็นธรรมชาติของพวกเขาเอง
เด็กต้อง สัมผัสและจับต้องโลกก่อนจึงจะสามารถเข้าใจมันได้
 

การนอนหลับ
         เมื่อทำงานกับเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กในวัยปฐมวัย เราจะตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเด็กต้องพึ่งพาการนอนหลับอย่างมาก คุณสามารถกล่าวได้ว่า "วันที่ดี เริ่มต้นจากคืนที่ดี"
หากเด็กไม่ได้รับการนอนหลับที่เพียงพอ พวกเขาจะขาดพลังงานสำหรับการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นเมื่อเด็กต้องใช้เวลาอยู่ร่วมกับเพื่อนๆตลอดทั้งวัน โรงเรียนอนุบาลและบ้านควรทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อสนับสนุนความต้องการด้านการนอนของเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการ "สอน" ให้เด็กนอนหลับได้อย่างเหมาะสม สิ่งสำคัญคือ เด็กควรได้รับการนอนหลับอย่างน้อย 12 ชั่วโมงในทุกคืน และสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ควรมี การนอนกลางวันเพิ่มอีก 1-2 ชั่วโมง จังหวะชีวิตประจำวัน ทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน ควรถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับความต้องการด้านการนอนหลับของเด็ก


การเคลื่อนไหว
              เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กเล็กที่จะมีโอกาสได้พูดว่า "ใช่" กับ ความท้าทายทางกายภาพ  การใช้ร่างกายช่วยกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเด็กและทำให้พวกเขาค้นพบโลกของตนเอง เมื่อเด็กได้ทดสอบขีดจำกัดของร่างกายและสำรวจศักยภาพของตนเอง พวกเขาจะเริ่มเข้าใจตัวเองมากขึ้น ตั้งแต่วัยเยาว์ เด็กควรมีโอกาสได้เดินเล่นเป็นเวลานาน ๆ เพื่อได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ และสัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล เป็นสิ่งสำคัญที่ต้อง ปล่อยให้เด็กได้คลาน กระโดด เต้น เล่นโคลน ฯลฯ เพราะกิจกรรมเหล่านี้ ช่วยให้เด็กพัฒนา และสร้างความมั่นใจที่เป็นธรรมชาติ
               การเคลื่อนไหวช่วยให้เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับตนเอง ผ่านการทดสอบขีดจำกัดและศักยภาพของร่างกายของเขาเมื่อเด็กสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ พวกเขาจะสามารถพบปะและเชื่อมโยงกับเด็กคนอื่นๆได้อย่างสร้างสรรค์ ผ่านการเล่นและการดูแลซึ่งกันและกัน


โภชนาการ
            เมื่อเด็กได้รับการนอนหลับที่เพียงพอ และเคลื่อนไหวอย่างเหมาะสม พวกเขาจะมีความอยากอาหารที่ดีเด็กที่หิวจะกินอาหารที่ได้รับ  ดังนั้น เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ในการเลือกอาหารที่เหมาะสมสำหรับเด็ก  สิ่งสำคัญคือเด็กควรได้รับโภชนาการที่ให้พลังงานเพียงพอเพื่อให้พวกเขามีพลังสำหรับความท้าทายทางกายภาพและสังคม ที่จะต้องเผชิญตลอดทั้งวัน

             กฎพื้นฐานมีความเรียบง่าย แต่สนับสนุนกันและกัน: ใช้ชีวิตที่เป็นจังหวะกับเด็ก  ให้แน่ใจว่าเด็กได้นอนหลับอย่างเพียงพอและได้เคลื่อนไหวมากพอ  ให้โภชนาการที่เหมาะสม  ดูแลให้เด็กแต่งกายอย่างเหมาะสม เพื่อที่พวกเขาจะไม่ต้องใช้พลังงานโดยไม่จำเป็นไปกับการทำให้ร่างกายอบอุ่น แต่สามารถใช้พลังงานของพวกเขาเพื่อสังเกตและเลียนแบบโลก


การเลียนแบบ (Imitation)
          การให้เด็กอยู่ร่วมกันในกลุ่มที่มีอายุแตกต่างกัน ตั้งแต่อายุ 1 ถึง 7 ปี เป็นสิ่งสำคัญเพราะเด็กในวัยที่ต่างกันเรียนรู้จากกันและกัน เด็กเล็กจะสังเกตพฤติกรรมของเด็กที่โตกว่า และได้รับแรงบันดาลใจให้เข้าสู่โลกของการเล่น  เด็กที่โตกว่าจะเข้าใจตัวเองมากขึ้น และตระหนักถึงศักยภาพของตนเอง เมื่อพวกเขาได้เปรียบเทียบความสามารถของตนเองกับเด็กที่อายุน้อยกว่า หากเด็กได้อยู่ร่วมกับผู้ใหญ่ที่เข้าใจความหมายของชีวิต และมีความสุขกับงานประจำวันของตนเอง เด็กจะมีแบบอย่างที่ควรค่าแก่การเลียนแบบ  บุคคลต้นแบบนี้จะเป็นแรงบันดาลใจและนำทางให้เด็กเรียนรู้วิธีเผชิญโลก

เด็กสามารถแยกจากพ่อแม่ได้นานแค่ไหน?
              เด็กสามารถทนอยู่ห่างจากบ้านได้นานแค่ไหน? พ่อแม่สามารถอยู่ห่างจากลูกได้กี่ชั่วโมง โดยที่ยังคงรู้สึกเชื่อมโยงกับลูกและไม่สูญเสียความรู้สึกว่าการดูแลลูกคือความรับผิดชอบของตน? ฉันมีภาพที่ชัดเจนว่า เด็กต้องการเวลาอยู่กับเด็กคนอื่น พวกเขาสนใจและเพลิดเพลินกับการอยู่ร่วมกัน แต่ไม่ใช่ตลอด 8-10 ชั่วโมงต่อวัน  จากประสบการณ์ของฉัน 6 ชั่วโมงต่อวันเพียงพอแล้ว เพราะเมื่อเด็กได้รับเวลาที่เหมาะสมในการเล่นและเรียนรู้ พวกเขาจะมาถึงโรงเรียนด้วยรอยยิ้ม และกลับบ้านพร้อมรอยยิ้ม

ศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาลแทนที่ครอบครัวหรือไม่?
            เราเข้าใจอย่างแท้จริงหรือไม่ว่า โรงเรียนอนุบาลในปัจจุบันได้เข้ามาแทนที่ครอบครัวและกลายเป็นศูนย์กลางของเด็กๆ  ที่บ้านเด็กหลายคนเป็นลูกคนเดียว บางคนมีพี่น้องที่มีอายุห่างกันมาก หรือ อาศัยอยู่ในครอบครัวที่ประกอบด้วยเด็กจากการแต่งงานใหม่ของพ่อแม่ ซึ่งอาจไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน  โครงสร้างครอบครัวในปัจจุบันแตกต่างจากภาพของครอบครัวแบบดั้งเดิมในอดีต เด็กใช้ชีวิตทั้งวัยเด็กอยู่กับพ่อแม่และพี่น้องของพวกเขา แต่แม้แต่ครอบครัวรูปแบบนี้ ในปัจจุบันกลับยุ่งมากจนบ้านกลายเป็นเพียงสถานที่พบปะก่อนออกไปทำกิจกรรมอื่น ๆ
                เด็กต้องใช้พลังงานอย่างมากในการพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นที่บ้าน
                "ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?"
                "ใครอยู่ที่นี่?"
                "ฉันกำลังจะไปที่ไหน?"


               ด้วยเหตุนี้ ฉันมองว่าการให้เด็กเข้าเรียนในศูนย์เด็กปฐมวัยและโรงเรียนอนุบาลจึงเป็นสิ่งสำคัญ โรงเรียนอนุบาลสามารถสร้างวันเวลาที่เป็นจังหวะ มีโครงสร้างที่แน่นอนและคาดเดาได้ เด็กจะพบกับกลุ่มเพื่อนเดิม และครูเดิมในทุก ๆ วัน ซึ่งสร้างความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย
              เมื่อเด็กก้าวเข้าสู่โรงเรียนอนุบาล พวกเขาควรรู้สึกเหมือนกำลังก้าวเข้าสู่ "บ้านเก่าแก่ที่อบอุ่น" ที่ทุกสิ่งเป็นไปอย่างที่มันเคยเป็นในโรงเรียนอนุบาล เด็กจะได้รับความสงบในการเติบโตและทำความเข้าใจกับโลกในสภาพแวดล้อมที่ถูกออกแบบมาเพื่อพวกเขา โดยปราศจากความเครียด

วัยเด็กคือเรื่องของเวลา
               วัยเด็กคือเรื่องของ "เวลา"—และต้องใช้เวลามาก!
                การเติบโตขึ้นมาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ต้องใช้เวลา และสิ่งที่เด็กต้องการมากที่สุดในวันนี้ อาจเป็นเวลา มากกว่าทุกยุคสมัยที่ผ่านมา ในปัจจุบันเป็นเรื่องยากมากที่เด็กจะได้รับ "ความสงบ" ที่จำเป็นต่อการเติบโต
วัยเด็กเป็นช่วงเวลาที่มีเอกลักษณ์ และเป็นรากฐานของชีวิตทั้งหมด  วัยเด็กปฐมวัย คือช่วงเวลาที่ "เมล็ดพันธุ์แห่งทุกสิ่งที่มีค่า" ถูกปลูกลงไป  เวลานี้จะไม่มีวันย้อนกลับมาอีก และความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในวัยเด็กอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อแก้ไข
              หากพ่อแม่ ลงทุนเวลาในชีวิตประจำวันร่วมกับลูกในระดับที่พวกเขาต้องการจริง ๆ นั่นเท่ากับว่า พ่อแม่กำลังลงทุนในอนาคตของลูก ลูกจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรง และสามารถดูแลตนเองได้
เมื่อลูกยังเล็ก พ่อแม่อาจรู้สึกว่าวัยเด็กของลูกจะยาวนานไปตลอดกาล  แต่เมื่อลูกโตขึ้นพ่อแม่จะพบว่าเวลาช่วงวัยเด็กผ่านไปอย่างรวดเร็ว
             การลงทุนที่ดีในวัยเด็กผ่านการเติมเต็ม "ความต้องการพื้นฐาน" อย่างเหมาะสม จะ ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่มีค่าในอนาคต เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก สร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของ "ความไว้วางใจ" และ "ความเคารพซึ่งกันและกัน" ซึ่งจะเป็นรากฐานให้กับชีวิตที่เหลืออยู่

                                                   ..............................................................................

อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษ https://www.waldorftoday.com/2011/11/the-little-ones-by-helle-heckmann/

Picture
About Author : ​Helle Heckmann (เฮลล่า เฮกเมนน์)


            Helle Heckmann เป็นครูอนุบาลวอลดอร์ฟที่มีชื่อเสียงจากประเทศเดนมาร์ก เธอเป็นผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการของ "Nøkken" สถานรับเลี้ยงเด็กในโคเปนเฮเกน ซึ่งรับดูแลเด็กอายุระหว่าง 1 ถึง 7 ปี Nøkken มีชื่อเสียงในด้านการเน้นการใช้ชีวิตกลางแจ้งและการสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติสำหรับเด็ก 


​
          Helle Heckmann ได้เขียนหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย เช่น

  1. "Nøkken: A Garden for Children"
    อธิบายถึงปรัชญาและการปฏิบัติในสถานรับเลี้ยงเด็ก "Nøkken" ที่เธอก่อตั้งในโคเปนเฮเกน
    ​

  2. "Slow Parenting: Caring for Children with Intention"
    ในหนังสือเล่มนี้ เธอเน้นการเลี้ยงดูเด็กด้วยความตั้งใจและการให้ความสำคัญกับจังหวะชีวิตที่ช้าและเป็นธรรมชาติ

  3. "Childhood's Garden: Shaping Everyday Life Around the Needs of Young Children"
    หนังสือเล่มนี้เสนอแนวทางในการจัดโครงสร้างชีวิตประจำวันให้สอดคล้องกับความต้องการของเด็กเล็ก


 ผลงานเหล่านี้สะท้อนถึงปรัชญาของเธอในการสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการพัฒนาตามธรรมชาติของเด็ก

  Helle Heckmann ได้เดินทางไปทั่วโลกเพื่อบรรยายและจัดเวิร์กช็อปเกี่ยวกับการศึกษาวอลดอร์ฟและการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย เธอเน้นความสำคัญของจังหวะชีวิตที่สม่ำเสมอ การนอนหลับที่เพียงพอ การเคลื่อนไหว โภชนาการ และความรักในการดูแลเด็ก 

      ผลงานและปรัชญาของเธอได้มีอิทธิพลอย่างมากต่อการศึกษาวอลดอร์ฟและการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยทั่วโลก

0 Comments



Leave a Reply.

    Picture

    MaMa Ta
    วรณัน โทณะวณิก (แม่ตา)

    Founder of MaMaTa Baansamran 

    Archives

    February 2025
    November 2021
    June 2021
    October 2020
    August 2020
    December 2017
    November 2014

    Categories

    All

    RSS Feed

@2014 MaMaTa Co.,Ltd. , All Rights Reserved , Bangkok, Thailand
  • Home
  • Course
    • Waldorf-Inspired Parent & Child Playgroup
  • Store
  • About
    • MaMaTa Family Playgroup
    • MaMaTa Family Workshop
    • MaMaTa Family Trip
    • MaMaTa Family Store
    • MaMaTa Family Bookstore
    • MaMaTa Family Space
  • Contact
    • Map
  • Sharing / Articles
  • Photo Gallery
  • Publicity
  • ของเล่นที่เหมาะกับพัฒนาการของเด็กๆใน
  • Children Songs
  • Stockmar Modelling Beeswax
  • Children Drawing
  • Blog
  • Rubicon Program 2024 The 9-Year Change & Challenges ก้าวสู่ขวบปีที่ เก้า วัยแห่งกา&